fic 全职高手 (Quan Zhi Gao Shou) Look at me ซุนเยี่ย (Part 2/2) by yydavika
fic 全职高手The King's Avatar (Quan Zhi Gao
Shou)
Title:
Look at me (Part 2/2)
ติด
Spoiler ถึงตัวละครที่ยังไม่ออก
มีการ mentioned ถึงค่ะ
Pairing:
ซุนเสียง x เยี่ยซิว
Mentioned ส่านซิว
(ซูมู่ชิว x เยี่ยซิว)
warning: Spoilers and NC 18
(Part
2/2)
ชั่วเวลาที่สบตากัน
“เธอล่ะ....รู้ตัวรึเปล่าซุนเสียง...ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่?”
อยากทำอะไรกันแน่ ...
“คุณมันจุดด่างพล้อยที่ทำให้อี๋เยี่ยจือชิวต้องตกต่ำ!
ให้ผมดูแลเทพสงครามต่อเถอะ เค้าจะกลับสู่ความรุ่งโรจน์ถ้าอยู่กับผม”
ตกลงมาสิ
ตกลงมา
ลงจากบัลลังก์แล้วลงมา..
ทำไม...ถึงไม่รู้สึกว่าคุณตกลงมาเลยล่ะ
ทำไมมีแต่ผมที่ต้องมองขึ้นไป
ทำไมคุณไม่มองที่ผม
ผมกำลังจะเหยียบย่ำคุณนะ
มองมาที่ผมสิ!
ซุนเสียงกลืนคำพูดมากมายที่ขบคิดไว้
แล้วนิ่งค้าง แต่มือที่ขยุ้มเสื้ออีกฝ่ายไว้ไม่ได้ แม้แต่ผ่อนแรงลงไป แววตาเกรี้ยวกราดวาววับยังไม่ได้หายไป
เด็กหนุ่มขยุ้มคอเสื้อของเยี่ยซิวจนสั่นไปทั้งแขน
แรงที่โถมทับลงมาทำให้ชายหนุ่มร่างผอมข้างล่างไม่อาจขยับได้ดั่งใจ เสียงหายใจเริ่มติดขัด ลมหายใจเริ่มหายเป็นช่วง
“ซุน..เสียง”
เสียงของเยี่ยซิวทำให้จิตใจของเด็กหนุ่มผมทองกลับมา
และผ่อนแรงลงชั่วขณะเดียว สำหรับอีกฝ่ายเป็นช่วงแสนสั้น
แต่เจ้าของร่างที่ตกเป็นรองพยายามหายใจเข้าปอดอย่างเอาเป็นเอาตาย จนแทบสำลัก
เยี่ยซิวไม่เคยคิดย้อนถึงชีวิตประจำวันก่อนหน้านี้มาก่อน
บางทีเขาควรจะออกกำลังกายหรือหาอะไรทำให้มีแรงขึ้นมาบ้าง
…
ราวกับความทรงจำครั้งเก่าที่ถูกหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นฟุ้ง
ความทรงจำที่เคยอยู่ในที่แสนเล็กแคบนั้น.. ที่นอนผืนเก่าๆ อาหารที่เคยแบ่งกันกิน..
แต่หากย้อนกลับไปได้ เขาคงเลือกแบบเดิม ทำแบบเดิม แบ่งการกินเหมือนเดิม..
....แม้การกินเยอะขึ้น
อาจจะทำให้มีแรงต้านเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างก็เถอะ
เจ้าของแขนสีซีดนั้นพยายามทุ่มแรงในการหนี ซึ่งอาจจะมีมากพอๆกับการที่เอากิ่งไม้เล็กๆไปงัดแผ่นเหล็ก ก่อนที่มือสองข้างนั้นจะถูกรวบไว้ด้วยแรงมือข้างเดียวไว้เหนือศีรษะ
เจ้าของแขนสีซีดนั้นพยายามทุ่มแรงในการหนี ซึ่งอาจจะมีมากพอๆกับการที่เอากิ่งไม้เล็กๆไปงัดแผ่นเหล็ก ก่อนที่มือสองข้างนั้นจะถูกรวบไว้ด้วยแรงมือข้างเดียวไว้เหนือศีรษะ
“เธอรู้ตัวจริงๆเหรอว่ากำลังจะทำอะไรอยู่?
ซุนเสียง..”
เสียงที่เคยเนิบเป็นจังหวะอย่างใจเย็นกลายเป็นเสียงแหบพร่า
เยี่ยซิวกำลังภาวนาในใจอย่างเอาเป็นเอาตายให้อีกฝ่ายรีบรู้ตัวและปล่อยเขาเป็นอิสระ
จะได้จบเรื่องนี้เสียที
“ที่เธอกำลังทำ...มันไม่เกี่ยวกับอี๋เยี่ยจือชิวแล้ว...
มัน-“
ไม่รอให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสพูดประโยคถัดไป
ซุนเสียงใช้อีกมือบังคับให้ใบหน้าอีกฝ่ายเงยขึ้นรับจูบจากริมฝีปากที่ประกบลงมา
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเร่งร้อน
จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการกระแทกปากมากกว่าสิ่งที่เรียกว่าจูบ เยี่ยซิวปิดตาแน่นแพขนตาที่เรียงเส้นสั่นไหว
ทุกอย่างของทั้งคู่เข้าใกล้ชิดสัมผัส ใกล้กันจนผิวสัมผัสถึงเนื้อผ้า
ใกล้จนรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิร่างกาย
ใกล้จนจมูกของซุนเสียงรับเพียงแต่กลิ่นกายของอีกฝ่ายและกลิ่นควันบุหรี่
ที่ซึมลึกไปถึงริมฝีปากที่บดเบียดกัน
จูบของเยี่ยซิวไม่ได้มีรสหวาน ไม่มีรสขนม มีเพียงกลิ่นควันและรสขม
รสขมที่ซุนเยี่ยคิดว่ามันหวาน
หวานยิ่งกว่าความหวานใดๆที่เคยสัมผัส
ยามที่ครอบครองซุนเสียงรู้ว่าเขาจะไม่ฟัง
จะปิดตา ปิดหู
ปิดทุกอย่างให้เวลายามนี้อยู่ไปอย่างนี้ชั่วกัลป์
ปริมาณลมในปอดแทบจะเหมือนบ่อน้ำที่แห้งขอด
เยี่ยซิวพยายามส่ายหน้าหลบ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนลงเล็กน้อยเขาดึงริมฝีปากออกชั่วหนึ่งลมหายใจ
พอให้อีกฝ่ายหายใจแล้วจรสลงไป เบียดลงเป็นกลีบริมฝีปากที่อ้าออกอีกครั้งด้วยแรงปรารถนาพลุ่งพล่าน
มือของเด็กหนุ่มเลิกเสื้อผ้าอีกฝ่ายขึ้นจนเสื้อคอเต่าสีตุ่นไปขดเป็นก้อนบนมือทั้งสองข้างของเยี่ยซิว
ผิวสีซีดที่เคยถูกปิดไว้ด้วยเนื้อผ้านุ่มเผยให้เห็นตั้งแต่ไหปลาสองข้าง
ซุนเสียงรู้สึกว่ามันซีดเกินไปเหมือนไม่เคยเจอแสงแดดมาก่อน ทว่าก็..
ทั้งนุ่ม ทั้งลื่นมือ
เขาไม่เว้นช่องให้อีกฝ่ายได้แม้แต่เอ่ยประท้วง
เร่งรัดริมฝีปากฉ่ำน้ำนั้นราวกลับจะกลืน กิน ริมฝีปากนั้นถูกระงับด้วยการจูบระลอกใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อีกมือหนึ่งไล่สัมผัสตั้งแต่เส้นผม สีดำที่ระพวงแก้ม
ไล้ไปตามเนื้อที่เนียนละเอียดลากผ่านบริเวณที่ไวต่อสัมผัสบริเวณหน้าอกปัด ผ่านไวๆราวกับจงใจ
ลำตัวในทุกๆส่วน เสื้อผ้าท่อนล่างแต่ละชิ้นถูกถอดออก
ร่างขาวซีดกระตุกเบาๆ
พร้อมกับหยดน้ำตาที่คั่งค้างบนพวงแก้มค่อยๆไหลสัมผัสผิวของซุนเสียง
เห็นเพียงใบหน้าของคนที่สูงวัยกว่าที่หลุบต่ำ ปลายจมูกโด่งเป็นสัน
ขนตาเปียกชุ่มน้ำสีดำสนิท กลีบเนื้อที่ถูกเบียดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแดงก่ำ
ริมฝีปากนั้นกำลังขยับเป็นคำ ซุนเสียงได้ยินแต่เสียงหายใจ เยี่ยซิวเอาแต่ย้ำคำน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ไม่มีเสียงออกมา
คุณกำลังพูดชื่อของใครกัน..
คนที่อยู่ตรงหน้าคุณคือผมนะ..
คือ ซุนเสียง
“คุณไม่มีสิทธิ์จะคิดถึงคนอื่น!”
เยี่ยซิวหยุดชะงักไปชั่วครู่
ดวงตาสีดำที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาสบตากับซุนเสียงเป็นครั้งแรก
ก่อนที่เสียงที่พร่าไปจะเอ่ยด้วยจังหวะที่เนิบช้า
“ในเมื่อเธอยังไม่คิดจะหยุดการกระทำของเธอ
..
แล้วทำไมฉันต้องหยุดล่ะ...เด็กน้อย”
ในเมื่อไม่สามารถขัดขืนได้ เยี่ยซิวจะไม่สนใจ ไม่รับรู้เช่นกัน
ได้แต่ใช้ชื่อในหัวใจเป็นหลักยึดเหนี่ยว เขาได้แต่พึมพำชื่อนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ...
ได้แต่ใช้ชื่อในหัวใจเป็นหลักยึดเหนี่ยว เขาได้แต่พึมพำชื่อนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ...
แต่ไม่อาจออกเสียง
ไม่อาจจะลากอีกฝ่ายมารับรู้เรื่องที่กำลังเกิดต่อไป
ความรู้สึกตอนนี้ราวกับหัวใจถูกบีบอยู่ในกล่องใบเล็กๆ
ขอให้สัมผัสในคืนนี้ได้จบลงไปเร็วที่สุดที่ทำได้
ซุนเสียงได้แต่ข่มอารมณ์ที่ข่มยากลงไปอีก
เมื่อเห็นผิวสวยในร่มผ้า
เยี่ยซิวมีรูปร่างผอมบางแต่ไม่ได้เก้งก้าง
ผิวสีซีดที่เปล่งปลั่งที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่ออย่างน่าชม
เมื่อเขาเริ่มสัมผัสตามใจไป ทั้งร่าง
รวมทั้งสัมผัสส่วนที่ปลุกเร้าอารมณ์ที่แดงระเรื่อ
“อย่าหลับตา..”
มองผมสิ
..
มองผมที่อยู่ที่นี่..ตรงนี้
ผมที่ร่างกายเราอยู่ชิดกันที่สุด..
นิ้วเรียวที่ชุ่มไปด้วยน้ำใสสอดสัมผัสเข้าไปอย่างรวดเร็ว
สัมผัสซ้ำๆทำให้เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทรู้สึกมัวเมาแทบจะไม่สามารถคงสติได้ด้วยสัมผัสนั้น
ลำตัวที่แนบชิด
แทบจะหลอมละลาย ทุกอย่างขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วยามเมื่อร่างกายถูกทาบทับ
แทบจะหลอมละลาย ทุกอย่างขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วยามเมื่อร่างกายถูกทาบทับ
ความเจ็บปวดที่ไม่เคยพานพบทำให้เกิดหยดน้ำอุ่นในดวงตาช้ำเรียงเม็ดอุ่นซ่าน
ราวกับภาพวาด ริมฝีปากสีก่ำถูกเบียดครั้งแล้วครั้งเล่า ในห้วงอารมณ์ ณ
ขณะนั้นซุนเสียงคิดว่าต่อให้ใช้เวลาอีกนานเท่าใดก็สัมผัสได้ไม่รู้จักพอ ทุกอย่างถูกเร่งเร้าจนถึงขีดสุด
เด็กหนุ่มไม่อาจสนใจว่าอีกฝ่ายจะทรมานสักเพียงไหน เพราะทุกขีดจำกัดนั้นถูกทำลายลง
เขาไม่สามารถที่จะหยุดยั้งตัวเองได้อีกแล้ว ไม่สามารถจะหยุดมือสองข้างที่แทบจะเรียกได้ว่าขย้ำลงบนสะโพกของอีกฝ่าย
ไม่สามารถที่จะผ่อนแรงใดๆได้ ไม่สามารถห้ามตัวห้ามใจใดๆได้ทั้งสิ้น
ทุกอย่างเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่สามารถแม้จะเอ่ยต้านใดๆ
รวดแรงทีเคยมีราวกับถูกดูดหายไปอย่างสิ้นเชิงได้แต่รับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้
แม้แต่สติก็แทบจะเป็นสีขาวโพลนจนแทบไม่อาจแยกความสุขสมหรือทรมาน
กลิ่นบุหรี่จางๆแทบจะเป็นสิ่งเดียวที่คงเหลืออยู่...
เสียงครางกระเส่าเป็นเสียงที่ไม่เคยได้ยิน
ราวกับไม่ใช่เสียงตนเอง
แทบทุกตารางนิ้วบนร่างกายถูกทาบทับด้วยริมฝีปากของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองตรงหน้า
สัมผัสที่ทำให้ร่างของทั้งคู่เหมือนขี้ผึ้งถูกลนไฟ ราวกับจะหลอมละลายเข้าด้วยกัน
ไม่อาจรู้ว่าริมฝีปากนั้นจรดบนร่างตนกี่หน
ไม่อาจะรู้ว่าเหตุการณ์ผ่านไปกี่ครั้ง
ราวกับเย้ยหยันในอำนาจแห่งความมืด
แสงสว่างยามรุ่งอรุณค่อยเผยข้ามขอบฟ้า
ทำให้สีขาวของหิมะตกทอประกาย
ท่ามกลางความหนาวเย็น
ซุนเสียงรู้สึกตัวก่อน
เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเด้งตัวขึ้นจากเตียงและผ้าห่ม ก่อนสายตาจะ ไปเห็นอีกร่างข้างๆกันที่แทบจะขดตัวเหมือนดักแด้ เจ้าของผมสีน้ำตาลทองค่อยๆผ่อนลม หายใจแผ่วเบา
ราวกับถ้าเพียงหายใจแรงขึ้นแม้เพียงนิดจะทำให้อีกคนตื่นจากนิทรา
เขาไม่เคยรู้เลยว่าอีกฝ่ายยามหลับใหล จะดูน่ามองเป็นพิเศษ
จมูก ดวงตาที่ปิดลงเห็นเพียงแพขนตาดำเรียงเส้นสวย ริมฝีปากที่พองขึ้น
พวงแก้มที่ดูคล้ายจะฟูขึ้น ผิวขาวซีดที่คล้าย จะเรืองแสงได้ยามแสงแรกอรุณลูบไล้
เส้นไหมสีดำที่แผ่กระจายระพวงแก้มและต้นคอ
คล้ายกับภาพตรงหน้าเป็นภาพวาดที่กลัวว่าจะหายไปแม้เพียงผ่อนลมหายใจ
ซุนเสียงจัดผ้าห่มแล้วชะงักงัน
ยามที่ได้เห็นทุกร่องรอยที่อยู่บนร่างของอีกฝ่าย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหลุบลง
นี่ไม่ใช่ฉากยามเช้าในนิยายหรือนิทานที่เมื่อฟื้นคืนสติจะพบอีกร่างพร้อมร่องรอยสีกุหลาบเต็มตัว
พร้อมกับจ้ำสีแดงสวยตัดกันบนผิวสีขาว เยี่ยซิวมองทางไหนก็ไม่เหมือนผู้หญิงบอบบาง
ตัวเขาเองก็ไม่ใช่พระเอกผู้อารีหรือพระเอกละครหลังข่าวภาคค่ำ ภาพที่เห็นจึงเหมือนภาพกวางผอมบางถูกเสือขย้ำจมเขี้ยว
..เมื่อได้ขย้ำไปแล้ว
มือเขาคู่นี้มีค่าพอที่จะตระกองกอด ปลอบประโลมหรือเปล่า?..
หรือว่า
...มันอาจจะ สกปรกเกินไป..
ความรัก
เกลียดชัง อยากกระชากลงมา ให้มอง
มองเห็นแต่เพียงเขาเท่านั้น
ตั้งแต่เมื่อวาน ความรู้สึกหลายสิ่งวนเวียน
อึดอัดเหมือนถูกใส่ไปในกล่องเล็กๆ เอาทุกความรู้สึกใส่ลงไปแล้วเขย่าซ้ำไปมา ความถูกผิดอยู่ที่ใด ความรู้สึกชั่วดีอยู่ตรงไหน
...เขาไม่รู้ เขาไม่รู้จริงๆ ...
**edited** ฉากที่ไม่ได้ใส่
ซุนเสียงรู้สึกตัวอีกทีตอนที่มือสองข้างของเขากำลังอุ้มภาชนะใส่น้ำอุ่นกับผ้าขนหนู
เขาไม่กล้าแม้จะทำเสียงขึ้นแม้เพียงนิด
ถ้าขยับอีกนิดภาพตรงหน้าจะหายไปหรือเปล่า?
ราวกับว่ามีก้อนมาจุกอยู่ที่คอ แค่เพียงเลิกผ้าห่มจนเห็นสะโพกไล่ลงมาขาสองข้างที่โผล่พ้นร่มผ้า
เขารู้สึกเหมือนถูกตรึงด้วยสิ่งที่เรียกว่าจิตสำนึก
ไม่อาจแม้จะขยับเขยื้อน ภาพที่สะท้อนในดวงตาสีน้ำตาลทั้งสองข้าง
เป็นภาพที่ไม่อยากเห็นที่สุด
เขาเห็นสีม่วงตัดกันบนพื้นขาว
สีม่วงช้ำที่หากนำมือเขาทาบลงไปจะเป็นรอยพอเหมาะ
เหมือนต่อจิ๊กซอว์ที่เขาเคยชอบตอนเด็กๆ มันนาบราวกับตราประทับบนสะโพก
บนต้นขาสองข้าง
เขาเห็นสีแดงช้ำเลือด
ที่กินอาณาบริเวณตั้งแต่บริเวณหน้าอก บริเวณขา บริเวณหน้าท้อง บริเวณขาอ่อนเป็นรอยที่แดงเล็กๆที่เรียงเกือบเป็นครึ่งวงรี
แม้กระทั่งรสสัมผัสนั้น ก็ยังละมุนในปากให้รู้สึกได้
หรือบางทีอาจเป็นรสสนิมเหล็กที่กำลังกัดกินจิตใจ
เขาเห็นสีขาว
สีที่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นสีเมื่อมันเป็นคราบแห้งกรังบนตัวของอีกฝ่าย
และใบหน้าของซุนเสียงยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้นเมื่อเห็น
สีขาวที่กำลังหยดจากสีชมพูที่ค่อนไปแดงก่ำที่เรียงตัวเป็นจีบสวย
ที่เขากล้าบอกได้เลยว่า บริเวณนั้นช้ำอย่างหนัก
แม้ว่ามือที่ถือผ้าเปียกน้ำนั้นจะพยายามแตะลงบนผิวนั้นเท่าไร
แต่มันกลับไม่เคยไปถึง
ซุนเสียงไม่กล้า
ไม่กล้าแม้จะแตะ
ถ้าเช็ดแรงเกินไป แล้วอีกฝ่ายตื่นขึ้น
เขาควรจะทำหน้าอย่างไร เขาจะพูดอะไร
จะเจ็บหรือไม่....?
ซุนเสียงไม่กล้าเขาได้แต่พยายามเอาผ้าห่มห่อร่างนี้ไว้แล้วโอบอีกคนผ่านผ้าห่ม
อยากจะขออยู่แบบนี้
นานอีกนิด
อีกแค่นิดเดียว...
นานอีกนิด
อีกแค่นิดเดียว...
**edited**
เยี่ยซิวตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว
ขาทั้งสองขางชาดิกจนแทบไม่รู้สึกและความรู้สึกเจ็บสะโพก
เขาเพียงแค่ปรือตาขึ้นเล็กน้อย นอกจากความเจ็บปวดสิ่งที่รู้สึก
รู้สึกอุ่น..
ตัวของเขาถูกผ้าห่ม “ห่อ” เอาไว้และแขนที่โอบรอบผ้าห่มผืนใหญ่เหมือนอีกฝ่ายกำลังกอดกองผ้าผืนโต
มือเพียงมือข้างขวาที่พ้นชายผ้าห่มออกมาและรู้สึกได้ถึงสัมผัสเหมือนปีกผีเสื้อกำลังไล่บนนิ้วทุกนิ้ว
บนทุกพื้นที่บนฝ่ามือที่ริมฝีปากอีกฝ่ายจรดลงไป ชิดใกล้ใบหน้าจนเขาสัมผัสได้ถึงเส้นไหมสีน้ำตาลทองระบนแก้มของอีกฝ่าย
ราวกับมือของเขาเป็นของล้ำค่าที่สุด
เยี่ยซิวหลับตาลงรอจนอีกฝ่ายวางตัวเขาลงพร้อมกระชับผ้าห่ม
รอจนสิ้นเสียงประตูปิด จึงลืมตาขึ้น อย่างแรกที่พยายามทำคือสำรวจตัวเอง
เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ดวงตาสีดำคู่นี้กำลังสั่นไหว
รอยที่ปรากฏอยู่บริเวณตั้งแต่หน้าท้องลงไปเป็นหลัก
ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าระหว่างรอยนิ้วมือสีม่วงคล้ำอย่างน่ากลัวบนสะโพกที่นับรอยไม่ถ้วน
กับ รอยฟันขบกัดจนมีเลือดสีแดงออกและรอยช้ำระหว่างขาทั้งสองข้างที่ไม่อาจนับจำนวนรอยไหนที่สร้างความเจ็บปวดให้เขามากกว่ากัน
หรือเป็นคราบสีขาวที่เปื้อนเปราะทั้งตัว
เยี่ยซิวคู้ตัวนั่ง
จังหวะที่ขยับหยดน้ำตาค่อยๆไหลลงจากพวงแก้ม เป็นครั้งแรกในรอบ หลายปีที่เขาเริ่มต้นร้องไห้ออกมาอย่างช้าๆและแผ่วเบาเหมือนแมวคราง
เขาพยายามให้เสียงนี้เล็ดลอดออกมาน้อยที่สุดท่ามกลางความเงียบในห้องนี้
“นี่...มู่ชิว..
ถ้าเป็นนายไม่ว่าเจออะไรก็จะไม่ยอมแพ้ใช่มั้ย?”
...ถ้าเป็นเราสองคน
อะไรก็เป็นไปได้ใช้มั้ย?..
แม้ว่าจะไม่มีอี๋เยี่ยจือชิวที่อยู่ด้วยกันมาสิบปี
...มู่ชิว ไม่ว่าจะเจออะไรก็จะไม่ยอมแพ้
ขอเพียงแค่มีเรา..
...ทุกเรื่องแย่ๆมันจะผ่านไปได้..ใช่มั้ย?
“มู่ชิว....”ชื่อที่แม้เพรียกหาทั้งคืนก็ไม่อาจเอื้อนออกเสียง
*********************************************************************************************
“เยี่ยซิว
ทางสโมสรได้ตัดสินใจแล้วว่าจะให้ซุนเสียงที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่เป็นเป็นกัปตันแทนคุณ
และตัวอี๋เยี่ยจือชิว
นับแต่นี้ไปจะให้ซุนเสียงเป็นคนใช้งานด้วย”
....ในที่สุด
วันนี้ก็มาถึง....
เสียงที่ได้ยินจากผู้จัดการสโมสรราวกับคมมีดที่กรีดหัวใจลงช้าๆ
ไม่อ้อมค้อม ไม่ไว้หน้า ไม่มีคำพูดหวานเสนาะหู ราวกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“พี่เยี่ย ขอโทษด้วยนะ
มาถึงปุ๊บก็แย่งเก้าอี้ของพี่เลย” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองเอ่ยล้อ
ด้วยเสียงเดียวกันกับที่ใช้เรียกชื่อของเขาทั้งคืน อีกฝ่ายนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งกัปตันทีมเจียซื่อสายตาของอีกฝ่ายไม่ได้ชำเลืองมองเขาสักนิด
เพียงเบนสายตามองที่ซูมู่เฉิง ราวกับไม่สนใจไม่ได้เห็นเยี่ยซิวในสายตา
“เก้าอี้เหมาะกับพี่พอดี” สมาชิกทีมคนอื่นว่า “คนบางคน แก่แล้ว ตกยุคแล้ว”
ราวกับถ้อยคำสรรเสริญนั้นไปไม่ถึง ซุนเสียงอัจฉริยะคนใหม่แห่งวงการมืออาชีพแห่งสมาพันธ์กลอรี่ดวงตาสีอ่อนนั้นไม่ได้หยอกล้อตามน้ำเสียงไม่ได้ดุดัน
เยี่ยซิวไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นในตาอีกฝ่ายคือความรู้สึกอะไร
“เยี่ยซิว
มอบอี๋เยี่ยจือชิวให้ซุนเสียงเสียสิ”
ราวกับมีดที่กรีดลงมานั้นอาจไม่ลึกพอ
ผู้พูดจึงบรรจงค่อยๆกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ยามที่เขายกการ์ดสีขาวเงินขึ้นมายื่นให้อีกฝ่าย
หัวใจเจ็บแปลบ ระหว่างที่ส่งมอบสิ่งที่เหมือนกับลูกที่ฟูมฟักมานับสิบปี
มือเขาสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้
“ปล่อยมือเถอะเยี่ยซิว
มือของคุณสั่นซะขนาดนี้จะแสดงพลังเทพแห่งสงครามได้ยังไง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม
ผมจะทำให้ชื่อเทพแห่งสงครามดังกระหึ่มไปทั่ว glory อีกครั้ง”
ซุนเสียงมองมือข้างเดียวกับที่เขาบรรจงจุมพิตในวันวาน
แม้สัมผัสยังฝังในความทรงจำ ก่อนที่จะตัดสินใจเอ่ยคำที่ทำร้ายอีกฝ่ายมากที่สุด
“ส่วนคุณน่ะ เกษียณได้แล้ว”
ซุนเสียงจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายราวกับพยายามคาดคั้นให้ยอมสยบลง สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงแพขนตากระพริบแผ่วเบาเหมือนปีกผีเสื้อ
แล้วริมฝีปากนั้นเอ่ยด้วยเสียงเนิบราวกับเรื่องราวในวันวานที่ไม่อาจเอ่ยถึงนั้นเป็นสายลมที่ไม่อาจพังทลายหินผา
“คุณชอบเกมเกมนี้ไหม?”
“ว่าไงนะ”
“ถ้าคุณชอบขอให้มองว่าทุกสิ่งในกลอรี่คือเกียรติศักดิ์ศรี
ไม่ใช่การโอ้อวด”
“เก็บรักษามันให้ดี”
ชายร่างผอมบางผิวซีดนั้นผินตัวหันกลับไป
ซุนเสียงรู้ว่าสิ่งที่ได้มาเปรียบเหมือนดุจดวงใจของอีกฝ่าย
ซุนเสียงรู้ว่าสิ่งที่ได้มาเปรียบเหมือนดุจดวงใจของอีกฝ่าย
...แต่ไม่ใช่หัวใจ...
****************ช่วงดาวิกาชวนคุย***********************
จบไปแล้วนะคะสำหรับฟิคทดลองแต่งฟิคติดเรทครั้งแรกในชีวิต
ทำไมเขียนไปเขียนมายาว 20 หน้าได้ก็ไม่รู้ *ปิดหน้าปิดตา*
อยากให้เห็นความขัดแย้งสับสนในตัวของซุนเสียง ฟิคนี้หวานอมขมกลืนเลยทีเดียว
เขียนยากมากกกกกก เพราะดันไปเล่นกับอารมณ์เป็นหลัก อยากให้พี่เยี่ยออกมาดูเป็นผู้ใหญ่เข้มแข็งที่มีจุดเปราะบาง ไม่ได้เป็นนางเอกน้อยอ้อนแอ้น เขียนยากจริงๆเลยค่ะ *ปาดน้ำตา*
เขียนยากมากกกกกก เพราะดันไปเล่นกับอารมณ์เป็นหลัก อยากให้พี่เยี่ยออกมาดูเป็นผู้ใหญ่เข้มแข็งที่มีจุดเปราะบาง ไม่ได้เป็นนางเอกน้อยอ้อนแอ้น เขียนยากจริงๆเลยค่ะ *ปาดน้ำตา*
ใครอยากคุยกันนอกเหนือจากในกรุ๊ป เจอได้ที่twitter @yydavika นะคะ^^



Hotel Las Vegas, NV, United States - MapyRO
ตอบลบHotel Las Vegas, NV, 여수 출장마사지 United States - MapyRO 세종특별자치 출장안마 provides the only real-time driving directions to the Hotel Las Vegas, 통영 출장안마 Hotel Las 영천 출장마사지 Vegas, 천안 출장샵 NV.